ในอดีตชาตินานโพ้นทีเดียว พระองคุลีมาล ได้ถือกำเนิดเป็น “เต่าใหญ่” อยู่ในทะเลและมหาสมุทรแห่งหนึ่ง ความใหญ่ของเต่าตัวนี้ มีขนาดไม่เล็กไปกว่าปลาวาฬ โบราณาจารย์ท่านเรียกเต่าชนิดนี้ว่า “เต่าเรือน” คือ ตัวใหญ่เท่าเรือน เป็นเต่าใหญ่แต่ใจบุญ ด้วยมีนิสัยที่ไม่ดุร้าย ทำร้ายใคร มักช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายจากเรืออับปางให้พ้นภัยเสมอ
เต่าใหญ่อดีตชาติพระองคุลีมาล ก็เวียนว่ายหากินอยู่ในท้องทะเลตามปกติอยู่ชั่วนาตาปี จนอยู่มาวันหนึ่ง พบเรือประมงลำหนึ่งเกิดอับปางลง ผู้คนในเรือต่างก็ลอยคอ แหวกว่ายพยุงตัวเพื่อไม่ให้จมน้ำ ต่างก็หมดแรงเมื่อยล้า จะตายมิตายแหล่ ด้วยจิตแห่งความเมตตา เต่าใหญ่ตัวนั้นก็ว่ายเข้าไป เพื่อให้บรรดาชาวประมงเหล่านั้น ซึ่งคาดว่ามีประมาณ ๖ – ๗ คนได้พากันเกาะกระดองเต่า ปีนขึ้นมาบนหลังเต่า จนครบทุกคน และเต่านั้นก็ว่ายน้ำเข้าฝั่ง พาคน เหล่านั้นขึ้นบกให้พ้นภัย
แต่ด้วยเคราะห์กรรมของเต่านั้น ที่อาจจะมีเวรมีกรรมผูกพันกับชาวประมงที่ตนได้ช่วยชีวิตเอาไว้ ตามมาส่งผล ทำให้ชาวประมงเหล่านั้นเห็นผิดเป็นชอบ เกิดความโลภ ไหน ๆ ก็ไม่ได้ปลาแล้ว ฆ่าเต่าเอาเนื้อไปขายก็ยังดี ด้วยความคิดชั่วช้าขาดเสียซึ่งความกตัญญูรู้คุณเต่าที่ได้ช่วยชีวิตตนไว้ เขาเหล่านั้นก็พากันฆ่าเต่า แล้วชำแหละเนื้อเอาไปขายให้คนในหมู่บ้านนั้น ซึ่งมีอยู่หลายครัวเรือน ทุกครัวเรือนต่างก็พากันซื้อเนื้อเต่าไปกินกัน ด้วยเป็นของแปลก หายาก และมีความเชื่อที่ว่า เต่าเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน หากใครได้กินเนื้อเต่าแล้ว จะพากันอายุยืน ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสเล่าว่า คนในหมู่บ้านนั้น มีด้วยกันทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ คนพอดี ทุกคนเมื่อได้เนื้อเต่าไปแล้ว ก็พากันนำไปปรุงอาหารแบ่งปันกันกินในครอบครัว แต่มีอยู่เพียงคนเดียว เป็นเด็กหญิงอายุเพียง ๙ ขวบ ที่ไม่ยอมกินเนื้อเต่านั้น แม้พ่อแม่จะบังคับให้กินอย่างไร เธอก็คายออกมาจนหมดสิ้น เพราะเธอสงสารเต่าตัวนั้น อาจด้วยจิตวิญญาณที่ทำไว้ร่วมกันแต่อดีตชาติกับเต่านั่นเอง ด้วยบุพกรรมอันนี้แหละ ที่ทำให้ชาตินี้ เต่าใหญ่ได้กลับชาติมาเกิดเป็น “องคุลีมาล”
หลังจากสิ้นพระดำรัสเล่าเรื่องราวแต่อดีตชาติของพระองคุลีมาลจบแล้ว ทรงประทานพุทธโอวาท ตอนหนึ่ง ความว่า “บาปกรรมที่บุคคลทำแล้ว ย่อมละได้เสียด้วยกุศลกรรม บุคคลเช่นนั้นย่อมยังโลกให้สว่าง เหมือนดวงจันทร์ที่พ้นจากเมฆหมอกฉะนั้น”
No comments:
Post a Comment